คู่มือ Power Apps & Power Automate License (เกือบ) สมบูรณ์  

รู้จัก Power Apps Free และ Power Automate Free คือ ความต่าง Premium License และ Free License
licensing guide

ปัญหาคืออะไร ?

Power Apps และ Power Automate ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Power Platform มีระบบ License ที่ค่อนข้างซับซ้อน ทำให้หลายคน แม้แต่ Developer หรือ Sales เองก็มีคำถามและเกิดความสับสนกันอยู่บ่อย เช่น 

  • ถ้าใช้งานแค่ Power Apps และ SharePoint จะต้องซื้อ License ประเภทไหน?

  • Power Apps Free และ Power Apps Premium มีความแตกต่างกันอย่างไร?

  • ถ้าใช้งาน Dataverse จะต้องจ่ายค่าบริการอะไรบ้าง?

  • Flow ของฉันใช้ Premium connector ถ้ามี License ของ Power Apps Premium อยู่แล้ว จำเป็นต้องซื้อ License ของ Power Automate เพิ่มไหม?

และคำถามอื่น ๆ อีกมากมาย…

ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่า Microsoft มีสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับ License ตลอดเวลา คุณสามารถใช้คู่มือนี้เพื่อทำความเข้าใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับภาพรวมของ License

แต่ถ้าคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดสามารถอ่าน ได้ที่นี่

Power Apps Free และ Power Automate Free คืออะไร?

Power Apps Free และ Power Automate Free เป็น License พื้นฐานที่มาพร้อมกับบริการ Office 365 หรือ Microsoft 365 ที่คุณมีอยู่แล้ว

เมื่อคุณมี Access ในการเข้าถึง์ OneDrive, Teams หรือ SharePoint คุณก็จะได้รับสิทธิ์ในการสร้างและใช้งาน Power Apps Free และ Power Automate Free โดยอัตโนมัติ จนกว่า App หรือ Flow ของคุณจะเป็น Premium

App ไหนที่ต้องใช้ Premium License?

  • Canvas App

ถ้าแอปของคุณใช้ Premium connector ดังนั้น Users ทุกคนต้องมี Premium license ด้วย

  • Model-Driven App

Users ทุกคนต้องมี Premium license

  • Portals (Power Pages)

ต้องใช้ License ประเภทอื่น

Flow แบบไหนต้องใช้ Premium License?

  • Cloud Flow

ถ้า Flow ของคุณใช้ Premium connector ก็แสดงว่าต้องใช้ Premium license แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันไปตามประเภทของ Cloud Flow ดังนี้

    • Automated & Scheduled Cloud Flow

User ที่เป็นเจ้าของจำเป็นจะต้องมี Premium license

    • Instant Cloud Flow

Users ทุกคนที่ใช้ Flow นี้จำเป็นต้องมี Premium license ยกเว้น! ในกรณีที่ Flow ถูกเรียกใช้ผ่าน Power Apps และ User ที่เรียกใช้ Flow มี Power Apps Premium license ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมี Premium license สำหรับ Power Automate แยกต่างหาก

  • Desktop Flow

User ที่ใช้งาน Flow นี้จะต้องมี License ที่เรียกว่า “Per user plan with attended RPA” หรือ “per flow plan” แต่ถ้าคุณมีการสมัครใช้งาน Microsoft 365 ได้แก่ M365 Business Premium, M365 F3, E3, และ E5 คุณจะมีสิทธิ์ในการใช้งาน Desktop Flow ใน Power Automate โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับส่วนนี้ และไม่เพียงเท่านั้น Flow นี้ยังถูกรวมอยู่ในบาง License ของ Windows ด้วย แต่มีข้อจำกัดบางประการที่คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ ที่นี่ หรือค้นหา “Power Automate use rights with Windows licenses”

Premium Connector คืออะไร?

Premium Connector คือเครื่องมือใช้เชื่อมแอปหรือบริการของคุณกับ Power Apps หรือ Power Automate ได้ง่ายขึ้น โดย Premium Connector ใน Power Apps จะแสดงไอคอนรูปเพชร ส่วนใน Power Automate จะแสดง Tag ที่เขียนว่า Premium ซึ่งคุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Premium Connector ได้ที่นี่

ปล. Dataverse ก็ถือเป็น Premium Connector ด้วยนะ!

Premium Connector ใน Power Apps จะแสดงไอคอนรูปเพชร
Premium Connector ใน Power Apps จะแสดงไอคอนรูปเพชร
Premium Connector ใน Power Automate จะแสดง Tag ที่เขียนว่า Premium
Premium Connector ใน Power Automate จะแสดง Tag ที่เขียนว่า Premium

วิธีซื้อ Power Apps premium license

Power Apps มี license ทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่

  • 1. Power Apps Premium

  • 2. Power Apps per app plan (ไม่มีราคาในหน้าเว็บแต่ยังคงสั่งซื้อได้)

ราคาการซื้อ Power Apps premium license
อัปเดตราคาเพิ่มเติมได้ที่นี่

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจซื้อ

ซึ่งผมมีคำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจซื้อ ดังนี้

  • Premium app 1 แอปต่อ 1 User

ถ้าบริษัทมีแผนจะใช้ Premium app 1 แอปต่อ 1 User ผมแนะนำให้ซื้อ License แบบ Per App Plan เพราะคิดค่าบริการรายแอป ราคาอาจจะถูกกว่าแบบอื่น ๆ

  • Premium app มากกว่า 4 แอปต่อ 1 User

ถ้าบริษัทมีแผนจะใช้ Premium app มากกว่า 4 แอปต่อ 1 User ผมแนะนำให้ซื้อ License แบบ Per User Plan เพราะจะคิดค่าบริการรายคน ซึ่งจะคุ้มกว่า

  • มี User จำนวนมาก แต่ไม่ได้ใช้ตลอดเวลา

แต่ถ้าบริษัทของคุณมี User จำนวนมาก แต่ไม่ได้มีการใช้งานตลอดเวลา ผมแนะนำให้ซื้อ License แบบ Pay-as-you-go เพราะจะมีการคิดค่าบริการตามจำนวนครั้งที่ใช้จริง ๆ

ยกตัวอย่างสถานการณ์

บริษัทของคุณมี 2 แอป ดังนี้

ดังนั้นหากคุณซื้อ License แบบ per app คุณต้องจ่ายเงินสำหรับ 2 แอพ คือ 5 ดอลลาร์ x 2 = 10 ดอลลาร์ต่อเดือน แต่หากคุณซื้อ License แบบ per user คุณต้องจ่ายเงินสำหรับ User 4 คน คือ 20 ดอลลาร์ x 4 = 80 ดอลลาร์ต่อเดือน ดังนั้นในกรณีนี้ การซื้อแบบ per app จะถูกกว่า เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า

สรุปง่าย ๆ คือ ถ้ามีแอปน้อย แต่มี User เยอะ ควรซื้อแบบ per app แต่ถ้ามีแอปเยอะ แต่มี User น้อย ควรซื้อแบบ per user

แพ็คเกจที่รวม Power Apps Premium แล้ว

บางแพ็คเกจครอบคลุม Premium Access ไว้แล้ว ดังนั้นคุณอาจไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อ License แยกต่างหากสำหรับ Power Apps 

License ของ Dynamics 365 ที่รวม Power Apps Premium ไว้ด้วย 

Quick Suggest

หากสนใจเรียนรู้เพิ่มเติม ขอแนะนำบทความ

  • Dynamics 365 Sales Professional, 

  • Dynamics 365 Customer Service Professional 

  • Dynamics 365 Team Members 

  • Dynamics 365 Operations – Activity 

  • Dynamics 365 Human Resources Self-Service 

  • Dynamics 365 Business Central Team Members 

  • Dynamics 365 Sales Enterprise 

  • Dynamics 365 Customer Service Enterprise 

  • Dynamics 365 Field Service 

  • Dynamics 365 Finance 

  • Dynamics 365 Supply Chain Management 

  • Dynamics 365 Project Operations 

  • Dynamics 365 Commerce 

  • Dynamics 365 Human Resources 

  • Dynamics 365 Business Central 

  • Dynamics 365 Intelligent Order Management 

นี่หมายความว่า User ที่มี License หนี่งในข้อที่ผมลิสต์มาทั้งหมดก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ Power Apps Premium หากคุณต้องการใช้งานแค่ในส่วน Canvas App เท่านั้น

สำหรับ Model-driven app จะมีข้อยกเว้นบางประการ ดังนี้

สำหรับ Model-driven app จะมีข้อยกเว้นบางประการ ดังนี้

แพ็คเกจที่รวม Power Automate Premium แล้ว

เช่นเดียวกับในหัวข้อ Power Apps ที่ผมกล่าวไปข้างต้น โดยบาง License ของ Dynamics 365 มีสิทธิ์ใช้งาน Power Automate Premium แต่มีข้อยกเว้นบางประการ ดังนี้

แพ็คเกจที่รวม Power Automate Premium แล้ว

Dataverse capacity

หลาย ๆ คนที่เพิ่งเริ่มใช้งาน Power Platform คงมีความสับสนและคำถามมากมายเกี่ยวกับ Dataverse capacity หรือ ความจุ Dataverse เช่น วิธีการเพิ่มความจุทำได้อย่างไร? ทำไม Dataverse capacity ใน Tenant ของฉันเป็นศูนย์? ค่าเริ่มต้นของ org (tenant) คืออะไร? หรืออื่น ๆ อีกมากมาย

ความจุ Dataverse

User ที่มีสิทธิ์เป็น Admin ใน Power Platform จะสามารถดู Dataverse capacity ได้ที่นี่

ความจุนี้จะใช้ร่วมกันระหว่าง Environment เดียวกัน

Org (tenant) default

ความจุนี้จะเป็นความจุเริ่มต้นสำหรับ Tenant
Org (tenant) default

ความจุนี้จะเป็นความจุเริ่มต้นสำหรับ Tenant ของคุณ ซึ่งคุณจะได้รับทันที่เมื่อคุณซื้อ License ใบแรกที่มีความจุ Dataverse

สถานการณ์

ถ้าคุณยังไม่มี Dynamics 365 license หรือ Power Apps license ที่มาพร้อมกับ Dataverse capacity คุณจะเห็นว่าความจุที่มีอยู่คือ 0 GB

และเมื่อบริษัทของคุณซื้อ Power Apps per app license หลังจากการซื้อจะมีความจุเพิ่มขึ้นทันที คือ ฐานข้อมูล 5 GB ความจุไฟล์ 20 GB และความจุ log 2 GB

User license

ความจุนี้เพิ่มตามจำนวน License ซื้อใน Tenant ของคุณ

สถานการณ์

ต่อจากสถานการณ์ก่อนหน้า ถ้าบริษัทของคุณซื้อ Power Apps per app license เพิ่มอีก 5 ใบ คุณจะได้รับความจุเพิ่มอีก 250 MB สำหรับฐานข้อมูล และ 2 GB สำหรับความจุไฟล์

ดังนั้นจะทำให้ Tenant ของคุณจะมีความจุของฐานข้อมูลรวมเป็น 5.25 GB (จาก 5 GB เพิ่มอีก 250 MB)

Additional capacity

ความจุนี้เพิ่มตามจำนวน License ซื้อใน Tenant ของคุณ

ความจุนี้เพิ่มตามจำนวน License ซื้อใน Tenant ของคุณ
Additional capacity
ความจุนี้เพิ่มตามจำนวน License ซื้อใน Tenant ของคุณ
Additional capacity

สถานการณ์

ความจุของฐานข้อมูลใน Tenant ของคุณกำลังจะเต็ม และคุณต้องการความจุเพิ่มอีก 5 GB ดังนั้นคุณต้องจ่ายเงิน 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (40 ดอลลาร์สหรัฐ x 5 ใบ)

ทดลองใช้ Premium connector และ Dataverse ได้ไหม?

คุณสามารถลงทะเบียนและทดลองใช้ได้ที่ Power Apps Developer Plan โดยคุณจะได้รับสิทธิ์เกือบเท่า Premium เช่น สามารถใช้งาน Premium connector หรือ สร้างและใช้งาน Dataverse แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดบางประการ

ทดลองใช้ Premium connector และ Dataverse ได้ไหม?

แหล่งที่มา: PAWIT.PW

ก้าวเข้าสู่ Digital Business

ดูผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่

Table of Content
Search
microsoft partner of the year 2024 Quick ERP

Quick ERP รับรางวัล Partner of the Year Awards 2023 – Dynamics 365 Finance

รางวัล 3 ปีซ้อน ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินธุรกิจในระดับสูงตลอดปีที่ผ่านมา ตลอดจนมีกลยุทธ์ในการเข้าสู่ตลาดที่สมบูรณ์และไม่เหมือนใคร