Technical debt หนี้ทางเทคนิค เกิดจากไหน จัดการยังไง? (อัปเดต 2024)

Technical debt คืออะไร ความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการพัฒนาซอฟต์แวร์ สาเหตุ, ผลกระทบที่เกิดขึ้น และวิธีการจัดการเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
Technical debt
ทางลัด: เลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่อยากรู้

ในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ คำว่า “Technical debt” หรือ “หนี้ทางเทคนิค” ถูกพูดถึงอย่างบ่อยครั้ง แต่จริง ๆ แล้วหมายถึงอะไร? เช่นเดียวกับหนี้ในเชิงการเงิน หนี้ทางเทคนิคคือความจำเป็นที่ต้องจ่ายถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ในเรื่องของเงินทอง มาดูกันว่าหนี้ทางเทคนิคคืออะไร, ผลที่ตามมา และวิธีการจัดการให้มีประสิทธิภาพ

1. Technical debt - หนี้ทางเทคนิคคืออะไร?

หนี้ทางเทคนิค หรือที่เรียกว่า หนี้ทางโค้ด (code debt) หรือหนี้ทางการออกแบบ (design debt) หมายถึงค่าใช้จ่ายในอนาคตในการแก้ไขบางส่วนของระบบซอฟต์แวร์เนื่องจากการตัดสินใจในช่วงแรก ๆ ในขณะที่การตัดสินใจเหล่านี้อาจมีประโยชน์ในระยะสั้น ๆ แต่ในระยะยาวสามารถนำไปสู่ความซับซ้อนที่อาจจะแก้ไขได้ยาก

  • สาเหตุของหนี้ทางเทคนิค

หนี้ทางเทคนิคเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่แค่การเขียนโค้ดที่ไม่ดีหรือมีความผิดพลาดเท่านั้น มักมาจากการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบในระยะยาวของโปรเจกต์ มาดูกันว่ามีสาเหตุอะไรบ้าง

    • ทำให้ทันต่อกำหนดเวลาในการส่งผลงาน

ในบางครั้ง เพื่อให้ทันกำหนดเวลาส่งงานหรือตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจ ทีมพัฒนาอาจเลือกที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนั้นแทนที่จะพิจารณาถึงผลกระทบในระยะยาว

    • การเปลี่ยนแปลงความต้องการ

ในขณะที่โครงการกำลังดำเนินการอยู่ ความต้องการทางธุรกิจอาจเปลี่ยนแปลงไป ทำให้โค้ดที่เขียนไว้เมื่อก่อนอาจไม่เหมาะสมอีกต่อไป

    • การเลือกเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม

การตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีในตอนแรกโดยไม่พิจารณาเหตุผลหลังจากนั้น อาจทำให้เกิดปัญหาในการบำรุงรักษาหรือปรับปรุงในอนาคต

    • การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน

การสื่อสารระหว่างทีมงานหรือการเข้าใจความต้องการที่ไม่ชัดเจน อาจทำให้ทีมพัฒนาเขียนโค้ดที่ไม่ตรงกับความต้องการ

    • การละเลยการทดสอบ

การไม่มีการทดสอบที่เพียงพอหรือไม่มีการประเมินคุณภาพ สามารถทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นแต่งตั้งได้โดยไม่รู้ตัว

    • ขาดการอบรมและความเข้าใจ

หากทีมพัฒนาขาดความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานหรือเทคนิคการพัฒนาที่ดีอาจส่งผลให้เกิดหนี้ทางเทคนิค

สาเหตุเหล่านี้ เราสามารถเห็นได้ว่าหนี้ทางเทคนิคเป็นผลสะสมของการตัดสินใจต่าง ๆ และกระบวนการที่ทำในช่วงการพัฒนาซอฟต์แวร์ การรับรู้และเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยในการป้องกันและจัดการหนี้ทางเทคนิคในอนาคต

  • The Debt Metaphor

“หนี้” ในคำว่า “หนี้ทางเทคนิค” ถูกใช้เพื่ออธิบายเกี่ยวกับการตัดสินใจในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่อาจนำไปสู่ปัญหาในอนาคต คล้ายกับการกู้เงินเพื่อใช้จ่ายค่าใช้จ่ายในปัจจุบันแต่ต้องชำระดอกเบี้ยในอนาคต

    • ยอมเพื่อความรวดเร็ว

คล้ายกับการกู้เงินเพื่อใช้สำหรับธุรกิจหรือการลงทุน การตัดสินใจที่นำไปสู่หนี้ทางเทคนิคมักเกิดขึ้นเมื่อมีความต้องการในการเร่งความเร็วของการปล่อยผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์ใหม่

    • การชำระหนี้

หากเราไม่จัดการหนี้ทางเทคนิคในเวลาที่เหมาะสม เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการบำรุงรักษาและปรับปรุงโค้ด คล้ายกับการชำระดอกเบี้ยสำหรับหนี้การเงิน

  • Technical Debt vs. Bad Code

หนี้ทางเทคนิคและโค้ดที่ไม่ดี (Bad Code) อาจดูเหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ในความเป็นจริง มันมีความแตกต่างอย่างชัดเจน

    • การตัดสินใจและความตั้งใจ

หนี้ทางเทคนิคเกิดจากการตัดสินใจที่ตั้งใจและตระหนักรู้ถึงผลกระทบที่จะตามมา ในขณะที่โค้ดที่ไม่ดีมักเกิดจากความไม่รู้, ความประมาท หรือความขาดทักษะความรู้

    • การจัดการ

หนี้ทางเทคนิคสามารถจัดการได้โดยการวางแผนในการชำระหนี้ และการประเมินผลกระทบทางธุรกิจ ขณะที่การแก้ไขโค้ดที่ไม่ดีอาจต้องการการเรียนรู้เทคนิคหรือการประยุกต์ใช้เครื่องมือใหม่

    • ผลกระทบ

ทั้งหนี้ทางเทคนิคและโค้ดที่ไม่ดีมีผลกระทบต่อการบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ แต่หนี้ทางเทคนิคมักมีผลกระทบทางธุรกิจที่ชัดเจน (เช่น การเลื่อนกำหนดการการปล่อยผลิตภัณฑ์) ในขณะที่โค้ดที่ไม่ดีอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง

2. ผลของหนี้ทางเทคนิค

หนี้ทางเทคนิค ไม่ว่าจะเกิดจากการตัดสินใจที่ตั้งใจหรือเพราะความล่าช้าในการพัฒนา ทั้งหมดนี้สามารถส่งผลกระทบต่อทีมพัฒนาและผลิตภัณฑ์ได้ในหลาย ๆ ด้าน

  • การล่าช้าของการปล่อยผลิตภัณฑ์

ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นและความยากลำบากในการทำงานร่วมกันของระบบจะทำให้ทีมต้องใช้เวลามากขึ้นในการทดสอบและการแก้ไขปัญหา

  • การเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

เมื่อหนี้ทางเทคนิคสะสม การแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในส่วนต่าง ๆ ของระบบ ซึ่งอาจจะเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น

  • ประสิทธิภาพทีมของลดลง

หนี้ทางเทคนิคอาจทำให้การพัฒนาสลับซับซ้อนและยากขึ้น ทำให้ทีมพัฒนามีความรู้สึกว่าก้าวหน้าของพวกเขาลดลง

  • การเสี่ยงที่จะมีข้อผิดพลาด

โค้ดที่มีหนี้ทางเทคนิคมักมีโอกาสมากขึ้นที่จะมีข้อผิดพลาดหรือปัญหาในการทำงาน ทำให้ต้องมีการทดสอบและการตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

  • ความยากลำบากในการเข้าใจโค้ด

โค้ดที่มีหนี้ทางเทคนิคอาจจะยากต่อการอ่านและเข้าใจ ซึ่งทำให้การเรียนรู้หรือการปรับปรุงโค้ดสำหรับนักพัฒนาใหม่กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น

  • ความไม่มั่นคง

ระบบที่มีหนี้ทางเทคนิคสูงมักจะมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดหรือปัญหาที่ไม่คาดคิดเป็นพิเศษ

3. การจัดการหนี้ทางเทคนิค

การจัดการหนี้ทางเทคนิคเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการจัดการหนี้ให้เป็นระบบ ดังนี้

  • การตรวจจับและประเมิน

ก่อนอื่น ทีมต้องรู้ว่ามีหนี้ทางเทคนิคสะสมอยู่เท่าไร นี่อาจเป็นผลมาจากการตรวจสอบโค้ด, การทดสอบ หรือการประเมินสถานะการพัฒนา

  • การตั้งค่าความสำคัญ

ไม่ใช่ทุกหนี้ที่ต้องแก้ไขในทันที ทีมต้องกำหนดลำดับความสำคัญและผลกระทบต่อธุรกิจ เพื่อที่จะวางแผนการจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพ

  • การวางแผนการชำระหนี้

หลังจากนั้น ทีมควรมีการวางแผนเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโค้ด, การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการการทำงาน

  • การจัดสรรทรัพยากร

เพื่อจัดการกับหนี้ทางเทคนิค การจัดสรรทรัพยากร เช่น คน, เวลา และงบประมาณ จำเป็นต้องทำให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

  • การตรวจสอบและประเมินผล

หลังจากการทำตามแผน ทีมควรมีกระบวนการในการตรวจสอบและประเมินผลว่าการจัดการหนี้ทางเทคนิคได้ผลดีหรือไม่ และพิจารณาวิธีการปรับปรุงในอนาคต

  • การเรียนรู้และปรับปรุง

ทีมควรเรียนรู้จากการสะสมหนี้ทางเทคนิค และวางแผนเพื่อป้องกันการสะสมหนี้ในอนาคต

ผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง ทีมพัฒนาจะสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการสะสมของหนี้ทางเทคนิคไปในระยะยาว

ตัวอย่าง: การเผชิญกับหนี้ทางเทคนิค: ไลน์ (LINE)

“ไลน์” แอปพลิเคชันการสื่อสารที่มีความนิยมอย่างแพร่หลายในภูมิภาคเอเชีย ไม่ได้ต่างจากซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาหนี้ทางเทคนิค ดังนี้

  • การขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ก้าวย่างของไลน์ที่รวดเร็วในตอนแรกอาจทำให้ทีมพัฒนาต้องเลือกใช้วิธีการที่ไม่เป็นระบบหรือมีการคิดมาก่อน ทำให้สะสมหนี้ทางเทคนิค

  • การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ

แอปพลิเคชันไลน์มีฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไลน์สติกเกอร์, เกม หรือแอปฯ ภายในแอป การเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้อาจส่งผลให้มีการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนขึ้น และเพิ่มการสะสมหนี้ทางเทคนิค

  • การรองรับภาษาและเครือข่ายต่าง ๆ

ไลน์มีผู้ใช้งานในหลายประเทศและรองรับหลายภาษา การมั่นใจว่าทุกฟีเจอร์ทำงานได้อย่างถูกต้องในทุกภาษาและบนเครือข่ายต่าง ๆ อาจนำไปสู่การสะสมหนี้ทางเทคนิค

  • การปรับปรุงโครงสร้างภายใน

กลยุทธ์การพัฒนาแอปในระยะยาวอาจทำให้ไลน์ต้องการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงโครงสร้างภายใน ทำให้เกิดหนี้ทางเทคนิคจากโค้ดที่เก่า ๆ และต้องการการปรับปรุง

  • การรับรองความปลอดภัย

ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแอปพลิเคชันการสื่อสาร ทีมไลน์ต้องมั่นใจว่าข้อมูลของผู้ใช้งานปลอดภัย อาจต้องตัดสินใจเพื่อความปลอดภัยซึ่งทำให้เกิดหนี้ทางเทคนิค

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่ทำให้เราเข้าใจว่าแม้แอปพลิเคชันใหญ่และมีความนิยมอย่างไลน์ ก็ยังต้องเผชิญกับหนี้ทางเทคนิคแบบเดียวกับโปรเจกต์อื่น ๆ ที่มีขนาดเล็ก

แนวทางป้องกันหนี้ทางเทคนิคในปี 2023

การพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นกระบวนการที่ยุ่งยากและซับซ้อน และการป้องกันหนี้ทางเทคนิคเป็นสิ่งสำคัญที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ควรใส่ใจ เมื่อเราพูดถึงปี 2023 มีเทคนิคและวิธีที่น่าสนใจในการจัดการและป้องกันหนี้ทางเทคนิค ดังนี้

  • การใช้งาน DevOps

การรวมทีมพัฒนาและทีมดำเนินงานเข้าด้วยกัน เพื่อติดตามและประเมินหนี้ทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง

  • Automated Testing

การใช้งานการทดสอบอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบคุณภาพของโค้ดและป้องกันการเกิดบัคในภายหลัง

  • Code Review

การทบทวนโค้ดร่วมกันเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพของโค้ด

  • การประยุกต์ใช้งาน Architecture Decision Records (ADR)

การบันทึกการตัดสินใจทางสถาปัตยกรรมเพื่อให้ทีมเข้าใจเหตุผลและสาเหตุของการตัดสินใจ

  • การสร้างวัฒนธรรม Continuous Learning

การเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเกิดหนี้ทางเทคนิค

  • การใช้งานเครื่องมือ Static Code Analysis

เพื่อตรวจสอบคุณภาพของโค้ดและป้องกันการเกิดหนี้ทางเทคนิค

  • การทบทวนและประเมินประสิทธิภาพของระบบ

เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมและประสิทธิภาพของสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีที่ใช้งาน

  • การใช้งาน Feedback Loop ที่ดี

การรับฟีดแบ็คจากผู้ใช้งานและทีมพัฒนาเพื่อปรับปรุงและป้องกันปัญหาในภายหลัง

ด้วยแนวทางเหล่านี้ การป้องกันหนี้ทางเทคนิคจะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้โปรเจ็กต์การพัฒนาซอฟต์แวร์ของคุณประสบความสำเร็จในระยะยาว

Table of Content

🧑‍💻 Workshop สร้าง AI-Chatbot ผู้ช่วยอัจฉริยะปฏิวัติองค์กรดิจิทัล

สร้าง AI-Chatbot อัจฉริยะด้วย Copilot Studio! เชื่อมระบบในองค์กรได้ทันที ยกระดับ Productivity ด้วยการสอนที่เข้าใจง่ายและลงมือทำได้จริง