ในยุคที่ข้อมูลทางบัญชีถูกขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล ความแม่นยำและความเร็วกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อความได้เปรียบทางธุรกิจ ระบบ Invoice Capture บน Microsoft Dynamics 365 Finance and Operations (D365FO) คือคำตอบที่ช่วยลดภาระงานแมนนวลในการจัดการใบแจ้งหนี้ (Invoice) อย่างมีประสิทธิภาพ
Invoice Capture คือฟีเจอร์ที่ช่วยให้ระบบสามารถ “อ่าน” ข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ในรูปแบบดิจิทัลหรือเอกสาร (เช่น PDF หรือสแกนไฟล์) แล้วแปลงข้อมูลเหล่านั้นเข้าสู่ระบบ ERP ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูลทีละบรรทัดอีกต่อไป ลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูล และยังเพิ่มความเร็วในการวางบิล การอนุมัติ และการปิดบัญชี
ฟีเจอร์นี้เชื่อมต่อกับ Power Platform อย่าง Power Automate และ Power Apps เพื่อสร้างเวิร์กโฟลว์ที่ยืดหยุ่น ทำให้สามารถกำหนดกฎการตรวจสอบ ความสัมพันธ์กับ Vendor และวิธีการ Mapping ข้อมูลได้อย่างเหมาะสมกับโครงสร้างขององค์กร
นอกจากนี้ Invoice Capture ยังแสดงศักยภาพอย่างเต็มรูปแบบบนเวอร์ชัน D365FO ตั้งแต่ 10.0.34 (Build 10.0.1591.124) ขึ้นไป ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อทั้งฝั่ง ERP และระบบจัดเก็บเอกสาร จึงเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับการทำบัญชีจ่ายให้สอดคล้องกับแนวทาง “Paperless Office”
Quick Suggest
หากสนใจเรียนรู้เพิ่มเติม ขอแนะนำบทความ
ทำไมธุรกิจควรใช้ Invoice Capture แทนการป้อนใบแจ้งหนี้แบบแมนนวล?
แม้ว่าการป้อนข้อมูลใบแจ้งหนี้ด้วยมือจะเป็นวิธีที่องค์กรส่วนใหญ่ใช้งานกันมาอย่างยาวนาน แต่ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความเร็ว การทำงานรูปแบบเดิมกลับกลายเป็น “คอขวด” ของกระบวนการบัญชีที่เสี่ยงต่อความล่าช้าและข้อผิดพลาด
ปัญหาที่เกิดจากการป้อนข้อมูลด้วยมือ
เมื่อพนักงานบัญชีต้องคีย์ข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ทีละรายการ ไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลาอย่างมาก แต่ยังเปิดช่องให้เกิดข้อผิดพลาด เช่น:
- ใส่ตัวเลขผิดแถวหรือพิมพ์ผิดบรรทัด
- ข้ามข้อมูลสำคัญ เช่น เลขที่ PO หรือวันครบกำหนด
- สับสนกับรูปแบบเอกสารที่หลากหลายจากผู้ขายหลายราย
ข้อผิดพลาดเหล่านี้สามารถนำไปสู่การจ่ายเงินผิดยอด, จ่ายซ้ำ, หรือเกิดความล่าช้าในการปิดงวดบัญชี ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือและกระแสเงินสดขององค์กร
การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอัตโนมัติ
Invoice Capture เข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการ:
- ตรวจจับข้อมูลจากไฟล์ใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ
- เชื่อมโยงกับข้อมูลผู้ขาย (Vendor) และใบสั่งซื้อ (PO) ที่มีอยู่ในระบบ
- ตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้นตามกฎที่องค์กรกำหนด
- ส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบบัญชีจ่าย (Accounts Payable) โดยไม่ต้องป้อนเอง
ข้อผิดพลาดเหล่านี้สามารถนำไปสู่การจ่ายเงินผิดยอด, จ่ายซ้ำ, หรือเกิดความล่าช้าในการปิดงวดบัญชี ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือและกระแสเงินสดขององค์กร
ประโยชน์หลักของระบบ Invoice Capture บน D365FO
เมื่อองค์กรเริ่มใช้ Invoice Capture บนแพลตฟอร์ม Microsoft Dynamics 365 Finance and Operations (D365FO) ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เพียงการลดงานแมนนวลเท่านั้น แต่ยังเปิดประตูสู่การทำบัญชีที่แม่นยำ โปร่งใส และพร้อมต่อการขยายตัวทางธุรกิจ
1. ลดเวลาวงจรบัญชีจ่าย (Shorter Financial Cycle Time)
การประมวลผลใบแจ้งหนี้ในแบบเดิมอาจต้องใช้เวลาเป็นวันหรือหลายสัปดาห์กว่าจะวางบิลและชำระเงินเสร็จ แต่เมื่อใช้ Invoice Capture กระบวนการนี้สามารถลดเหลือเพียงไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง เพราะข้อมูลจะถูกอ่าน วิเคราะห์ และส่งเข้าสู่ระบบ ERP ได้แบบเรียลไทม์
2. เพิ่มคุณภาพข้อมูล (Higher Data Quality)
ด้วยระบบ Mapping Rules และการตรวจสอบข้อมูลล่วงหน้า Invoice Capture สามารถช่วยลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูล เช่น รหัสผู้ขายผิด เลขที่ใบสั่งซื้อไม่ตรง หรือยอดเงินคลาดเคลื่อน ซึ่งส่งผลให้ฝ่ายบัญชีทำงานได้แม่นยำขึ้น และพร้อมตรวจสอบได้เสมอ
3. รองรับแนวคิด Paperless AP
การนำใบแจ้งหนี้ที่เป็นเอกสารกระดาษเข้าสู่ระบบดิจิทัล หมายถึงการลดภาระจากการจัดเก็บ ค้นหา หรือส่งต่อเอกสารภายในแผนกบัญชีทั้งหมด นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมแนวทางด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง
4. ผสานการทำงานร่วมกับ Power Apps และ Power Automate
Invoice Capture ไม่ได้เป็นระบบแยก แต่ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับ Power Platform ของ Microsoft ได้อย่างลงตัว ผู้ใช้สามารถสร้างเวิร์กโฟลว์ที่สอดคล้องกับนโยบายองค์กร เช่น การแจ้งเตือน การอนุมัติ หรือการตรวจสอบย้อนหลังได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่มเติม
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Invoice Capture จึงไม่ใช่เพียงแค่ “ตัวช่วยป้อนข้อมูล” แต่เป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับกระบวนการทางการเงินให้เป็นระบบที่ชาญฉลาด พร้อมรองรับการเติบโตขององค์กรในระยะยาว
การเปิดใช้งานฟีเจอร์ Invoice Capture บน D365FO
หลังจากเข้าใจถึงคุณค่าและศักยภาพของ Invoice Capture แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ เปิดใช้งาน (Enable) และตั้งค่าฟีเจอร์นี้ให้พร้อมใช้งานในระบบ Microsoft Dynamics 365 Finance and Operations (D365FO) โดยมีรายละเอียดและองค์ประกอบที่ควรพิจารณาอย่างรอบด้านดังนี้:
เวอร์ชันที่รองรับ (D365FO Version Compatibility)
ฟีเจอร์ Invoice Capture มีให้ใช้งานในระบบ D365FO ตั้งแต่เวอร์ชัน:
10.0.34 (Build 10.0.1591.124) ขึ้นไป
หรือ 10.0.35 (Build 10.0.1627.86) ขึ้นไป
ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบเวอร์ชันของสภาพแวดล้อมก่อนเริ่มใช้งาน และควรมีการอัปเดตระบบให้เป็นเวอร์ชันที่รองรับเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้อย่างสมบูรณ์
บทบาทและสิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง (Roles and Privileges)
เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและจัดการฟีเจอร์ Invoice Capture ได้อย่างปลอดภัย ระบบ D365FO และ Power Platform จะต้องกำหนดสิทธิ์ให้เหมาะสมกับหน้าที่ของแต่ละบุคคล เช่น:
บทบาทใน Invoice Capture (Power Apps)
- Accounts Payable Admin: จัดการการตั้งค่าและเวิร์กโฟลว์ทั้งหมด
- Accounts Payable Clerk: ตรวจสอบและประมวลผลเอกสาร
- Environment Maker: จัดการ Power Apps ที่เกี่ยวข้องกับ Invoice Capture
บทบาทใน D365FO
Invoice Capture Operator: เข้าถึงข้อมูลจาก Power Platform มายัง ERP
System User / Office Integration Power User: รองรับการใช้งานระหว่างระบบ
Power Automate Administrator: จัดการการไหลของข้อมูลผ่านเวิร์กโฟลว์
การกำหนดสิทธิ์อย่างถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย โดยเฉพาะในระบบที่มีหลายหน่วยงานและหลาย Legal Entity
การติดตั้งผ่าน Microsoft AppSource
ฟีเจอร์ Invoice Capture ต้องติดตั้ง แอปพลิเคชันเสริม (Add-on) ผ่าน Microsoft AppSource เพื่อใช้งานบน Power Platform และเชื่อมโยงกับ D365FO โดยตรง ผู้ดูแลระบบสามารถค้นหาและติดตั้งแอปได้ภายใต้ชื่อ “Invoice Capture by Microsoft” จากนั้นดำเนินการเชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อม (Environment) ที่ต้องการ
วิธีการตั้งค่าและใช้งาน Invoice Capture
เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ Invoice Capture แล้ว องค์กรสามารถเริ่มกำหนดค่าต่าง ๆ เพื่อให้ระบบสามารถอ่าน แยก และจับคู่ข้อมูลใบแจ้งหนี้ได้อย่างถูกต้องและอัตโนมัติ ขั้นตอนการตั้งค่าจะครอบคลุมทั้งการจัดกลุ่มเอกสาร การเชื่อมโยงกับ Vendor และ Legal Entity ไปจนถึงการกำหนด Mapping Rule ให้ตรงกับโครงสร้างบัญชีภายในระบบ D365FO
Manage Configuration Group และ File Filter
ก่อนอื่น ผู้ดูแลระบบต้องสร้าง Configuration Group เพื่อกำหนดชุดของกฎและการตั้งค่าสำหรับใบแจ้งหนี้แต่ละประเภท เช่น กลุ่มของ PO Invoice กับ Non-PO Invoice จากนั้นสามารถกำหนด File Filter เพื่อคัดกรองไฟล์ที่เข้ามา เช่น รองรับเฉพาะ PDF, JPG หรือไฟล์ที่มีรูปแบบเฉพาะเท่านั้น ซึ่งช่วยให้ระบบประมวลผลได้แม่นยำและปลอดภัย
การตั้งค่า Channel สำหรับรับเอกสาร
ผู้ใช้สามารถสร้าง Channel เพื่อรับใบแจ้งหนี้จากหลายช่องทาง เช่น
การอัปโหลดโดยตรง (Manual Upload)
รับผ่านอีเมล (Email Ingestion)
เชื่อมต่อกับระบบ EDI หรือ API ภายนอก
Sharepoint, shared drive
Channel แต่ละประเภทสามารถตั้งค่าให้ผูกกับ Configuration Group ที่แตกต่างกัน เพื่อรองรับเอกสารจากผู้ขายหลากหลายรูปแบบ
Sync Legal Entities และ Vendors
การทำงานของ Invoice Capture ต้องอ้างอิงกับข้อมูลพื้นฐานในระบบ ERP ผู้ดูแลจึงต้องดำเนินการ Synchronize ข้อมูลของ Legal Entities และ Vendor จาก D365FO มายัง Power Platform เพื่อให้ระบบสามารถจับคู่ใบแจ้งหนี้กับบริษัทและผู้ขายที่ถูกต้องได้
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าให้ Legal Entity แต่ละแห่งเชื่อมกับ Configuration Group ที่ต่างกัน ได้ ซึ่งเหมาะกับองค์กรที่มีหลายหน่วยงานหรือบริษัทในเครือ
System Preferences และ Mapping Rules
การกำหนดค่า System Preferences ช่วยควบคุมพฤติกรรมของระบบ เช่น ค่าเริ่มต้นของภาษี หน่วยเงิน หรือฟิลด์ที่จำเป็นต้องตรวจสอบ ในขณะเดียวกัน Mapping Rules จะช่วยให้ระบบทราบว่าควรนำข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ ไปใส่ในฟิลด์ใดของ D365FO เช่น:
- Vendor Name → Party Name
- Invoice Number → Invoice ID
- Amount → Total Amount
การแมปที่ถูกต้องจะทำให้การแปลงข้อมูลจากใบแจ้งหนี้เป็นเอกสารทางบัญชีภายใน ERP ทำได้อย่างอัตโนมัติและไม่ต้องแก้ไขซ้ำ
อัปโหลด Invoice โดยตรง และดูผ่าน Side-by-Side Viewer
เมื่อระบบพร้อมใช้งาน ผู้ใช้สามารถ อัปโหลดไฟล์ใบแจ้งหนี้ ได้ทันทีจาก Power App หรือ Web Portal และระบบจะแสดงการจับคู่ข้อมูลกับ ERP แบบ Side-by-Side ทำให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบความถูกต้องก่อนกดบันทึกเข้าสู่ระบบบัญชีได้ง่ายยิ่งขึ้น
ตัวอย่างกรณี: PO Invoice และ Dashboard การวิเคราะห์
ในกรณีใบแจ้งหนี้ที่เชื่อมโยงกับใบสั่งซื้อ (PO Invoice) ระบบจะพยายามจับคู่กับใบสั่งซื้อที่มีอยู่ และแจ้งเตือนหากพบความคลาดเคลื่อน เช่น ปริมาณไม่ตรง ราคาสูงเกิน หรือไม่มีใบ PO ในระบบ ระบบยังมี Dashboard วิเคราะห์ เพื่อแสดงสถิติ เช่น จำนวนใบแจ้งหนี้ที่ถูกจับคู่สำเร็จ, เวลาที่ใช้ในการอนุมัติ, หรือเปอร์เซ็นต์ข้อผิดพลาด ช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถติดตามประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างโปร่งใส
ค่าใช้จ่ายและสิทธิ์การใช้งาน Invoice Capture
แม้ว่า Invoice Capture จะมอบคุณค่าในการลดต้นทุนแรงงานและเพิ่มความแม่นยำให้กับกระบวนการบัญชีจ่าย แต่การเลือกใช้แพลตฟอร์มให้เหมาะกับขนาดขององค์กรก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา โดย Microsoft ได้จัดรูปแบบการใช้งานเป็นแพ็กเกจที่ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและองค์กรขนาดใหญ่ ดังนี้:
แพ็กเกจ Free Plan – สำหรับผู้เริ่มต้นทดสอบระบบ
จำกัดที่ 100 ใบแจ้งหนี้/เดือน
ไม่มีค่าใช้จ่าย
เหมาะสำหรับการทดลองใช้งานหรือองค์กรขนาดเล็กที่มีปริมาณเอกสารไม่มาก
Free Plan เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับทีมบัญชีที่ต้องการทดสอบการทำงานของ Invoice Capture ก่อนตัดสินใจขยายขนาดการใช้งาน
แพ็กเกจ Standard Plan – รองรับปริมาณระดับองค์กร
-
รองรับสูงสุด 1,000 ใบแจ้งหนี้/เดือน
-
มีค่าบริการ ติดต่อ Quick ERP
-
เหมาะสำหรับองค์กรที่มีการรับวางบิลเป็นประจำ และต้องการผลักดัน Paperless AP อย่างจริงจัง
แพ็กเกจนี้ช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถใช้งานระบบแบบต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกังวลกับข้อจำกัดของจำนวนเอกสาร และสามารถใช้ Dashboard วิเคราะห์แนวโน้มเอกสารได้เต็มประสิทธิภาพ
สิทธิ์การเข้าถึงในระบบ D365FO
หากผู้ใช้งานมี Licenses สำหรับ D365FO อยู่แล้ว (เช่น Finance, Supply Chain หรือ Project Operations) ผู้ดูแลระบบสามารถเพิ่มสิทธิ์ให้บุคคลเหล่านั้นเข้าใช้งาน Invoice Capture ผ่าน Power Platform ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องซื้อ License ใหม่แยกต่างหาก
สรุป: Invoice Capture คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบัญชี
หลังจากที่เราได้เรียนรู้ภาพรวมของ Invoice Capture ตั้งแต่แนวคิดการลดงานแมนนวล, ประโยชน์ของระบบอัตโนมัติ, ไปจนถึงวิธีตั้งค่าและใช้งานร่วมกับ D365FO — สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือฟีเจอร์นี้ ไม่ได้เป็นเพียงฟังก์ชันหนึ่งในระบบ ERP แต่คือ “จุดเริ่มต้น” ของการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของฝ่ายบัญชีอย่างลึกซึ้ง
ต่อเนื่องจากแนวคิดในบทความก่อนหน้า: จาก Paperless AP → สู่ Intelligent AP
เราได้พูดถึงแนวทาง “Paperless AP” ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญขององค์กรยุคใหม่ที่ต้องการลดต้นทุนการจัดการเอกสารและเพิ่มความเร็วในการทำงาน
Invoice Capture คือเครื่องมือที่นำแนวคิดนี้มาใช้งานได้จริง:
จากการอัปโหลดใบแจ้งหนี้ → การจับข้อมูลอัตโนมัติ
จากการตรวจสอบด้วยมือ → การ Mapping ข้อมูลและ Matching PO แบบเรียลไทม์
จากไฟล์ PDF กระจัดกระจาย → ข้อมูลบัญชีที่เชื่อมโยงกันในระบบเดียว
ไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีเอกสารกระดาษอีกต่อไป แต่คือการสร้าง “ระบบบัญชีอัตโนมัติ” ที่มีความแม่นยำสูง และพร้อมตรวจสอบย้อนหลังได้ทันที
บทบาทของ Power Platform: เชื่อมต่ออย่างยืดหยุ่นกับระบบที่คุณมี
ในหัวข้อก่อนหน้า เราได้กล่าวถึงการผสานการทำงานของ Power Apps และ Power Automate เข้ากับ D365FO ซึ่งกลายเป็นโครงสร้างสำคัญของการประมวลผลเอกสารแบบอัตโนมัติ
Invoice Capture ใช้ความสามารถของ Power Platform อย่างเต็มที่:
- ผู้ใช้สามารถสร้างเวิร์กโฟลว์การอนุมัติที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละ Vendor
- ระบบสามารถกำหนดกฎตรวจสอบ เช่น บัญชีผิด, PO ไม่ตรง, หรือการจ่ายเกิน
- การทำงานแบบ Low-code ช่วยให้องค์กรปรับแต่งได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพา IT มากนัก
สิ่งเหล่านี้ สอดคล้องกับแนวทาง Seamless Transformation ที่เราได้นำเสนอไว้ในบริบทการเปลี่ยนผ่านระบบ ERP ไปสู่ระบบดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบในบทความก่อน
เปลี่ยนฝ่ายบัญชีให้เป็นศูนย์กลางการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่ “ภาระงานซ้ำซ้อน”
เมื่อระบบสามารถจับข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ และ Mapping เข้าสู่บัญชีจ่ายได้อย่างแม่นยำ ฝ่ายบัญชีจะมีเวลาเหลือมากขึ้นในการ:
วิเคราะห์แนวโน้มการใช้จ่ายของบริษัท
ตรวจสอบพฤติกรรมการชำระเงินและความสัมพันธ์กับผู้ขาย
วางแผนกระแสเงินสด (Cash Flow) ล่วงหน้าได้อย่างมั่นใจ
ระบบ Invoice Capture จึงไม่ได้แค่ “ทำให้ฝ่ายบัญชีทำงานง่ายขึ้น” แต่ยังสร้างความสามารถใหม่ให้กับองค์กรในด้าน:
- การควบคุมความเสี่ยง
- การบริหารต้นทุน
- และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้วยข้อมูลที่อัปเดตแบบเรียลไทม์
สรุปในบริบทกลยุทธ์องค์กร: จาก ERP → สู่ Intelligent Enterprise
ในทุกหัวข้อที่ผ่านมา เราได้เห็นแล้วว่า Invoice Capture คือองค์ประกอบหนึ่งของแนวทางที่ใหญ่กว่า นั่นคือการเปลี่ยนองค์กรสู่ Intelligent Enterprise ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแบบครบวงจร
มันเสริมศักยภาพของ ERP ให้ก้าวข้ามข้อจำกัดของระบบเดิม
มันทำให้ข้อมูลบัญชีพร้อมใช้งานในเชิงวิเคราะห์ ไม่ใช่แค่บันทึกย้อนหลัง
และมันคือรากฐานของการต่อยอดสู่เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI-OCR, RPA, หรือ Predictive Finance
ถ้า ERP คือระบบประสาทขององค์กร — Invoice Capture ก็คือเซลล์ประสาทที่ช่วยส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น และฉลาดขึ้น
พร้อมเปลี่ยนฝ่ายบัญชีให้คล่องตัว แม่นยำ และตรวจสอบได้? เริ่มต้นกับ Quick ERP วันนี้
การเปลี่ยนผ่านจากบัญชีแบบแมนนวล สู่ระบบบัญชีอัตโนมัติด้วย Invoice Capture บน D365FO ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว — แต่คือการออกแบบกระบวนการใหม่ที่ชาญฉลาดขึ้น เสถียรขึ้น และพร้อมรับกับการเติบโตของธุรกิจ
และหากคุณกำลังมองหาทีมที่มีประสบการณ์ตรงด้าน Microsoft Dynamics 365, Power Platform และการปรับใช้งาน Invoice Capture ในรูปแบบที่ “ตอบโจทย์การทำงานจริง” ไม่ใช่แค่ตามคู่มือ Quick ERP คือคำตอบ
ทำไมต้อง Quick ERP?
ผู้เชี่ยวชาญด้าน Microsoft Dynamics 365 Finance & Operations
ให้คำปรึกษาครบตั้งแต่เปิดใช้งาน ติดตั้ง ไปจนถึง Mapping Logic
เชื่อมต่อระบบ Power Platform, RPA, และ Workflow ตามแบบที่องค์กรต้องการ
บริการดูแลหลังการติดตั้ง พร้อมทีม Support ที่เข้าใจโลกของบัญชีและ ERP อย่างลึกซึ้ง
ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจาก 100 ใบแจ้งหนี้ต่อเดือน หรือจัดการใบแจ้งหนี้นับพันฉบับจากหลายบริษัทในเครือ
Quick ERP พร้อมช่วยคุณวางระบบให้แข็งแรง ยืดหยุ่น และพร้อมต่อยอดในอนาคตเปลี่ยนใบแจ้งหนี้ให้เป็นข้อมูลที่ทรงพลัง เริ่มต้นได้ทันทีที่คุณพร้อม ติดต่อ Quick ERP
Quick to Grow, Quick to Know
เพราะในโลกธุรกิจทุกวันนี้ “การรู้เร็ว” ไม่ใช่แค่ได้เปรียบ แต่คือหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน
กิจกรรม Quicker Knowledge Sharing ประจำเดือนพฤษภาคม 2025 จัดขึ้นเพื่อเติมพลังให้ทุกคนด้วยการเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้จริง พร้อมสร้างพื้นที่ให้ทุกทีมได้แชร์มุมมอง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเปิดรับแนวคิดใหม่ที่ช่วยต่อยอดงานในมุมที่ไม่เคยคิดมาก่อน
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นจากการแบ่งปันความรู้ของชาว Quicker ในงาน Knowledge Sharing ประจำเดือนพฤษภาคม 2025 เพื่อถ่ายทอดสาระที่น่าสนใจและต่อยอดสู่การพัฒนาการทำงานของทีมอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตขององค์กรไม่อาจเกิดขึ้นจากแค่คนใดคนหนึ่ง แต่ต้องอาศัยการเรียนรู้ร่วมกัน
เมื่อทุกคนมีโอกาส “รู้” มากขึ้น องค์กรก็ “เติบโต” ได้เร็วขึ้น
Quick to Grow, Quick to Know วัฒนธรรมของการทำงานร่วมกันที่เราสร้างขึ้นในทุกเดือน
ก้าวเข้าสู่ Digital Business
ดูผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่