Power Apps เปลี่ยนโฉมการพัฒนาแอปพลิเคชันให้เป็นเรื่องง่าย
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นปัจจุบัน ธุรกิจที่ปรับตัวได้ก่อนย่อมได้เปรียบ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดกลายเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าเดิม แต่ความท้าทายที่หลายองค์กรเผชิญคือ “จะพัฒนาโซลูชันดิจิทัลอย่างไรให้เร็วขึ้น ประหยัดขึ้น และใช้งานได้ตรงจุด?”
กระบวนการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิม หรือ Pro-code Dev มักมาพร้อมกับต้นทุนสูง ความซับซ้อน และระยะเวลาที่ใช้ยาวนาน ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับตัวให้ทันกับความต้องการของตลาดในเวลาจำกัด นี่คือจุดที่เทคโนโลยี Low-Code และ Power Apps จาก Microsoft ที่เข้ามาเปลี่ยนโฉมการพัฒนาแอปพลิเคชันให้เป็นเรื่องง่าย ทั้งเข้ามามีบทบาทช่วยให้องค์กรเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจได้อย่างมั่นคงขึ้น
Low-Code การพัฒนาแอปแบบใหม่ที่ใครก็ทำได้
Low-Code คือการปฏิวัติการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เคยซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องง่าย เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการพึ่งพาการเขียนโค้ดที่ยาวเหยียดและซับซ้อน โดยใช้ อินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย และเครื่องมือแบบ Drag-and-Drop แทน ทำให้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ดก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ได้
Quick Suggest
หากสนใจเรียนรู้เพิ่มเติม ขอแนะนำบทความ
ทำไม Low-Code ถึงสำคัญในยุคนี้?
- ลดเวลาในการพัฒนา: การพัฒนาแอปพลิเคชันที่เคยใช้เวลาหลายเดือน ลดเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือวัน
- ลดต้นทุน: ไม่ต้องจ้างทีมนักพัฒนาระดับสูงจำนวนมาก หรือลงทุนกับระบบซับซ้อนเกินความจำเป็น
- เพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจ: องค์กรสามารถสร้างหรือปรับแต่งแอปได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
Low-Code เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรใหญ่ ที่ต้องการลดภาระในการพัฒนาแอปและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาด
Power Apps จาก Microsoft ตัวช่วย Low-Code ที่เหนือชั้น
Power Apps คือแพลตฟอร์ม Low-Code ที่พัฒนาโดย Microsoft ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพานักพัฒนามืออาชีพในทุกขั้นตอน นอกจากจะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแล้ว Power Apps ยังออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันกับระบบอื่น ๆ ภายในองค์กร เช่น Microsoft 365, Dynamics 365, Power BI และ Azure ได้อย่างไร้รอยต่อ
การใช้งาน Power Apps ไม่ได้จำกัดแค่การสร้างแอปพลิเคชันธรรมดา แต่ยังรวมถึงการออกแบบระบบที่สามารถทำงานร่วมกับข้อมูล กระบวนการ และทรัพยากรขององค์กรได้อย่างลงตัว ตัวอย่างเช่น การพัฒนาแอปสำหรับทีมขายที่ช่วยให้พนักงานสามารถติดตามลูกค้า อัปเดตข้อมูลการขาย และสร้างรายงานแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องรอทีมพัฒนาภายนอก
Quick Suggest
หากสนใจเรียนรู้เพิ่มเติม ขอแนะนำบทความ
Pro-code Dev กับ Power Apps อะไรคือความแตกต่างที่สำคัญ
ในยุคที่ธุรกิจต้องการความเร็ว ความยืดหยุ่น และความคุ้มค่า การพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อสนับสนุนกระบวนการทำงานกลายเป็นสิ่งสำคัญ แต่คำถามที่หลายองค์กรเผชิญคือ “จะเลือกเส้นทางไหนดีระหว่างการพัฒนาแบบดั้งเดิม (Pro-code Dev) หรือใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่สร้างได้เร็วกว่าอย่าง Power Apps?”
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงความแตกต่างผ่านตัวอย่างแอปพลิเคชันสำหรับงานขาย “Sales Mobile” โดยจะเผยถึงข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่เหมาะกับเป้าหมายธุรกิจของคุณ
ค่าใช้จ่าย
ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาแอป การคำนึงถึงงบประมาณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแอปไม่ได้มีแค่ในส่วนของค่าจ้างนักพัฒนา แต่ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น Hosting, Domain, และการบำรุงรักษาระบบในอนาคต การเปรียบเทียบระหว่าง Pro code Dev และ Power Apps ในแง่ของค่าใช้จ่ายจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ควรพิจารณา
- Pro-code Dev
การพัฒนาแอปแบบดั้งเดิมดูเหมือนจะไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่อง License แต่จะมีค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่ เช่น Hosting, Domain, และ Certificate เฉลี่ยที่ 300,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ การพัฒนาโค้ดจากศูนย์ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของทีมพัฒนาที่สูงขึ้นตามความซับซ้อนของโปรเจกต์
- Power Apps
ในทางกลับกัน Power Apps มีค่า License ที่ชัดเจนคือ $110 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน (ประมาณ 237,000 บาทต่อปี สำหรับผู้ใช้ 5 คน) แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วน Hosting หรือ Domain ทำให้สามารถวางแผนงบประมาณได้ง่ายขึ้น และเหมาะสำหรับการควบคุมต้นทุนในระยะยาว
ระยะเวลา
การพัฒนาแอปไม่ใช่แค่เรื่องค่าใช้จ่าย แต่ยังเกี่ยวข้องกับ “เวลา” ในการส่งมอบ ธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้เร็วจะมีโอกาสได้เปรียบในตลาด การเปรียบเทียบระยะเวลาระหว่างการพัฒนาแอปแบบดั้งเดิมและการใช้แพลตฟอร์ม Power Apps จึงเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ควรคำนึงถึง
- Pro-code Dev
การสร้างแอปแบบดั้งเดิมคล้ายกับการสร้างบ้านที่ต้องเริ่มจากศูนย์ ตั้งแต่การเขียนโค้ด การออกแบบ การทดสอบ จนถึงการปรับปรุง ระยะเวลาเฉลี่ยสำหรับการพัฒนาแอป Sales Mobile อยู่ที่ 6 เดือน ซึ่งอาจนานกว่านั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างกระบวนการ
- Power Apps
Power Apps ถูกออกแบบมาเพื่อความรวดเร็วและง่ายต่อการใช้งาน ด้วยเครื่องมือที่พร้อมใช้งานทันที การพัฒนาแอปพลิเคชันสามารถเสร็จได้ภายในเวลาเพียง 3 เดือน ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้เร็วขึ้น
ความยืดหยุ่นในการควบคุม
การพัฒนาแอปไม่จบที่การส่งมอบ แต่ต้องคำนึงถึงความสามารถในการปรับปรุงและพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต การที่ธุรกิจสามารถควบคุมซอร์สโค้ดได้เองถือเป็นจุดแข็งที่ช่วยลดการพึ่งพาผู้พัฒนาในระยะยาว
- Pro-code Dev
ในหลายกรณี การพัฒนาแบบดั้งเดิมไม่ได้ให้สิทธิ์ในการควบคุมซอร์สโค้ดทั้งหมดแก่ลูกค้า หรือหากให้ก็อาจมีข้อจำกัดในด้านเทคนิค ทำให้การปรับปรุงระบบในอนาคตต้องพึ่งพาผู้พัฒนาภายนอกอยู่ดี ซึ่งเพิ่มทั้งต้นทุนและเวลาที่ใช้
- Power Apps
Power Apps เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถควบคุมซอร์สโค้ดและปรับปรุงระบบด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในการเขียนโค้ด ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
ความซับซ้อนของการพัฒนา
หลายธุรกิจอาจไม่มีทีมพัฒนาภายในหรือความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคมากพอ การเลือกแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อนจึงช่วยลดภาระให้ทีมงานได้
- Pro-code Dev
ต้องการทีมงานที่มีทักษะสูงในการเขียนโค้ดและพัฒนาระบบ ซึ่งมักจะเพิ่มค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนในการจัดการทีมพัฒนา รวมถึงความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการเขียนโค้ด
- Power Apps
ใช้งานง่ายด้วยเครื่องมือแบบ Drag-and-Drop ที่ช่วยให้การสร้างแอปเป็นเรื่องง่าย แม้ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโค้ดก็สามารถใช้งานได้
ทำไม Power Apps จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจในยุคนี้
Power Apps ไม่เพียงแค่ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ยังเพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่ต้องการระบบติดตามการขายแบบเรียลไทม์ สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ทันทีด้วย Power Apps โดยไม่ต้องรอรอบพัฒนาใหม่ หรือธุรกิจที่ต้องการสร้างระบบสำหรับการจัดการกระบวนการภายใน เช่น การอนุมัติเอกสาร สามารถทำได้อย่างรวดเร็วผ่าน Power Apps ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Power Apps คือการรองรับการทำงานร่วมกับ AI และ IoT ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพของแอปพลิเคชันให้ตอบโจทย์ความต้องการที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น องค์กรสามารถใช้ Power Apps ในการสร้างระบบที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ หรือติดตามสถานะการผลิตในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อนาคตของธุรกิจที่ใช้ Power Apps กับ Quick ERP
ในยุคที่ทุกวินาทีมีค่า Power Apps ช่วยให้องค์กรก้าวทันความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยมอบเครื่องมือที่ทรงพลังแต่ใช้งานง่ายให้กับทุกคนในองค์กร ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการลดต้นทุน หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการเพิ่มความคล่องตัว Power Apps คือตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์และขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต
Power Apps ไม่ใช่แค่เครื่องมือ Low-Code แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรของคุณพร้อมปรับตัวและเติบโตในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างแท้จริง ติดต่อ Quick ERP
ก้าวเข้าสู่ Digital Business
ดูผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่