เปรียบเทียบ Virtual Entities vs Dual-Write โซลูชันเชื่อมต่อข้อมูลที่ต้องรู้

เปรียบเทียบ Virtual Entities vs Dual-Write โซลูชันเชื่อมต่อข้อมูลที่ต้องรู้

เลือก Dual-write หรือ Virtual Entities for F&O? เปรียบเทียบโซลูชันเชื่อมต่อ Dynamics 365 F&O กับ Dataverse พร้อมข้อดี ข้อเสีย และแนวทางใช้งานที่เหมาะกับองค์กร
เปรียบเทียบ Virtual Entities vs Dual-Write โซลูชันเชื่อมต่อข้อมูลที่ต้องรู้

Virtual Entities และ Dual-Write คือ ต่างกันอย่างไร? โซลูชันการเชื่อมต่อข้อมูลที่องค์กรต้องรู้

การเชื่อมต่อ Dynamics 365 Finance & Operations (F&O) กับ Power Platform (Dataverse) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการให้ข้อมูลระหว่างระบบไหลลื่นและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมี 2 วิธีหลักที่ใช้ได้ ได้แก่ Virtual Entities for F&O และ Dual-write

แต่ละวิธีมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการจัดการข้อมูล ต้นทุน และประสบการณ์ใช้งาน หากเลือกไม่เหมาะสม อาจต้องเสียเวลาแก้ไขภายหลัง บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดของทั้งสองโซลูชัน พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เพื่อช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

Quick Suggest

หากสนใจเรียนรู้เพิ่มเติม ขอแนะนำบทความ

Dual-write: การซิงค์ข้อมูลระหว่าง F&O และ Dataverse แบบ Near-real-time

Dual-write เป็นโซลูชันที่ช่วยให้ข้อมูลของ F&O และ Dataverse เชื่อมต่อกันแบบ Near-real-time หมายความว่า ข้อมูลที่ถูกอัปเดตในระบบใดระบบหนึ่งจะถูกซิงค์ไปยังอีกระบบโดยอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาข้อมูลไม่ตรงกัน และรองรับการเชื่อมโยงกับแอปของ Power Platform ได้ง่าย

Dual-write ทำงานอย่างไร?

Dual-write ใช้ Integration Engine เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงข้อมูล ผู้ใช้สามารถกำหนดว่า ตารางไหนจาก F&O จะซิงค์ไปยัง Dataverse และฟิลด์ไหนต้องตรงกัน โดยการตั้งค่าผ่านอินเทอร์เฟซที่ไม่ต้องเขียนโค้ด

อย่างไรก็ตาม การส่งข้อมูลจาก F&O ไปยัง Dataverse ไม่ได้เป็นการซิงค์โดยตรง ข้อมูลจะต้องผ่าน Data Entities ซึ่งเป็นเหมือนตัวกลางที่คอยรวบรวมและแปลงข้อมูลก่อนจะเข้าสู่ Dataverse

จุดเด่นอีกอย่างของ Dual-write คือระบบจะสร้าง Trigger Points และ Business Events ให้อัตโนมัติ เมื่อข้อมูลถูกอัปเดตในระบบใดระบบหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงนั้นจะถูกส่งไปยังอีกแพลตฟอร์มทันที หากข้อมูลไม่ผ่านการตรวจสอบ ระบบจะไม่บันทึกข้อมูลและแจ้งข้อผิดพลาดแก่ผู้ใช้

ตัวอย่างการใช้งาน Dual-write

  • การซิงค์ข้อมูลลูกค้าระหว่าง ERP และ CRM

บริษัท A ใช้ Dynamics 365 Finance & Operations เป็นระบบหลักในการจัดการข้อมูลลูกค้า และใช้ Dynamics 365 Sales (CRM) ในการดูแลการขาย ทีมเซลส์ต้องการให้ข้อมูลลูกค้าใน CRM ตรงกับข้อมูลที่ฝ่ายบัญชีใช้ใน ERP

Dual-write ช่วยให้เมื่อทีมบัญชีอัปเดตที่อยู่ของลูกค้าหรือปรับปรุงข้อมูลเครดิต ข้อมูลดังกล่าวจะถูกซิงค์ไปยัง CRM โดยอัตโนมัติ ลดความผิดพลาดจากการใช้ข้อมูลที่ล้าสมัย

  • การจัดการใบสั่งซื้อระหว่างระบบ ERP และแอปจัดส่งสินค้า

บริษัท B ใช้ Dual-write เพื่อซิงค์ข้อมูลใบสั่งซื้อระหว่าง Dynamics 365 Supply Chain Management (F&O) และ Dataverse ระบบช่วยให้เมื่อฝ่ายคลังสินค้าอัปเดตสถานะการจัดส่ง ข้อมูลดังกล่าวจะถูกซิงค์ไปยังแอปที่ทีมขายใช้ทันที

ข้อดีของ Dual-write

  • รองรับการซิงค์ข้อมูลแบบ Near-real-time ลดปัญหาข้อมูลไม่ตรงกัน

  • มี Pre-built Template Scenarios ที่ Microsoft ออกแบบไว้ให้ เช่น ข้อมูลลูกค้า ใบสั่งซื้อ และสินค้าคงคลัง ซึ่งช่วยให้การตั้งค่าเร็วขึ้น
  • สามารถใช้ร่วมกับ Dataverse Tables มาตรฐานได้ เช่น Accounts, Contacts ทำให้ไม่ต้องแก้ไขโครงสร้างระบบมาก

ข้อเสียของ Dual-write

  • มีต้นทุนเพิ่มขึ้น เพราะข้อมูลต้องถูกจัดเก็บทั้งใน F&O และ Dataverse

  • หากมีการปรับแต่งโครงสร้างข้อมูล อาจต้องรีแมปตารางและฟิลด์ใหม่ทั้งสองระบบ

  • กระบวนการซิงค์ข้อมูล อาจทำให้การทำงานบางส่วนช้าลง โดยเฉพาะในกรณีที่มีข้อมูลจำนวนมาก

  • หากโครงสร้าง Data Entities ของ F&O ไม่รองรับข้อมูลที่ต้องการ อาจต้องมีการปรับแต่งเพิ่มเติม

Virtual Entities for F&O: เข้าถึงข้อมูลจาก F&O โดยตรงแบบไม่ต้องซิงค์

Virtual Entities for F&O เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ Dataverse สามารถดึงข้อมูลจาก F&O มาแสดงและใช้งานได้โดยตรง โดยไม่ต้องคัดลอกหรือซิงค์ข้อมูลให้ซ้ำซ้อน ต่างจาก Dual-write ที่เป็นการซิงค์ข้อมูลระหว่างสองระบบ Virtual Entities ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมที่ให้ Dataverse อ่านข้อมูลจาก F&O ได้โดยตรง

Virtual Entities for F&O ทำงานอย่างไร?

เมื่อเปิดใช้งาน Virtual Entities ระบบจะดึงข้อมูลจาก F&O และแสดงผลใน Dataverse ตามที่กำหนด ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้งานบน Model-driven Apps, Canvas Apps และ Power Pages ได้เหมือนข้อมูลอื่น ๆ ใน Dataverse

ข้อดีของวิธีนี้คือช่วยให้ข้อมูลที่เรียกใช้ เป็นข้อมูลล่าสุดเสมอ เพราะไม่มีการคัดลอกมาเก็บไว้ แต่ดึงข้อมูลจาก F&O โดยตรงทุกครั้งที่มีการใช้งาน

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก Virtual Entities ไม่สามารถเชื่อมโยง (ผูก Relation) กับ Dataverse Tables มาตรฐาน ได้โดยตรง โดย Dataverse Tables มาตรฐาน ในที่นี้หมายถึง ตารางที่มีการจัดเก็บข้อมูลจริง บน Dataverse ไม่ใช่ Virtual Entities ด้วยกันที่ดึงข้อมูลจากระบบอื่นแบบไดนามิก

เช่น ถ้าองค์กรต้องการให้ข้อมูลลูกค้าจาก F&O ไปปรากฏในตาราง Contacts ของ Dataverse ระบบจะไม่สามารถจับคู่กันโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งอาจเพิ่มความยุ่งยากในการใช้งาน

ตัวอย่างการใช้งาน Virtual Entities for F&O

  • การแสดงผลข้อมูลสินค้าแบบเรียลไทม์บนพอร์ทัลลูกค้า

บริษัท C ต้องการให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบราคาสินค้าและปริมาณสินค้าคงคลังผ่านพอร์ทัลออนไลน์ แต่ไม่ต้องการคัดลอกข้อมูลสินค้ามาไว้ใน Dataverse เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

Virtual Entities for F&O ช่วยให้เมื่อลูกค้าเข้ามาดูสินค้าผ่านพอร์ทัล ระบบจะดึงข้อมูลสินค้าจาก F&O โดยตรงแบบเรียลไทม์ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ลูกค้าเห็นเป็นข้อมูลล่าสุด

  • การจัดการใบสั่งซื้อผ่าน Power Pages โดยไม่ต้องซิงค์ข้อมูล

บริษัท D ต้องการให้ซัพพลายเออร์สามารถเข้าถึงข้อมูลใบสั่งซื้อของตนผ่านพอร์ทัล Power Pages โดยที่ข้อมูลใบสั่งซื้อเหล่านั้นยังคงถูกเก็บไว้ในระบบ F&O เท่านั้น

Virtual Entities for F&O ทำให้ซัพพลายเออร์สามารถดูและอัปเดตข้อมูลใบสั่งซื้อผ่าน Power Pages ได้โดยตรง โดยไม่ต้องซิงค์ข้อมูลทั้งหมดไปยัง Dataverse

ข้อดีของ Virtual Entities for F&O

  • ไม่มีต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูลซ้ำซ้อน เพราะข้อมูลถูกดึงจาก F&O โดยตรง

  • ข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ ทุกครั้งที่มีการเรียกใช้งาน

  • สามารถใช้ร่วมกับแอปและบริการของ Power Platform ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าการซิงค์ข้อมูล

ข้อเสียของ Virtual Entities for F&O

  • ไม่สามารถเชื่อมโยงกับ Dataverse Tables มาตรฐาน ได้โดยตรง ต้องตั้งค่าความสัมพันธ์เอง

  • การดึงข้อมูลทำได้ ช้ากว่า Dual-write เล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลจริงไม่ได้อยู่บน Dataverse แต่ต้องเรียกข้อมูลจาก F&O โดยตรงทุกครั้งที่มีการเข้าถึง

  • หาก F&O เกิด downtime เช่น ช่วงอัปเดตระบบ จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ต่างจาก Dual-write ที่ซิงค์ข้อมูลมาไว้ใน Dataverse แล้ว ทำให้ยังสามารถใช้งานข้อมูลได้แม้ F&O จะดาวน์

เปรียบเทียบ Dual-write และ Virtual Entities for F&O

แม้ว่า Dual-write และ Virtual Entities จะช่วยให้ F&O ทำงานร่วมกับ Power Platform ได้ดีขึ้น แต่การเลือกใช้โซลูชันที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย

  • รูปแบบการทำงาน

Dual-write เป็นการซิงค์ข้อมูลแบบสองทาง ข้อมูลจาก F&O จะถูกคัดลอกไปยัง Dataverse และอัปเดตแบบ Near-real-time ในขณะที่ Virtual Entities เป็นการอ่านข้อมูลจาก F&O โดยตรงโดยไม่มีการซิงค์หรือคัดลอกข้อมูล

  • ความเร็วในการซิงค์ข้อมูล

Dual-write มีการซิงค์ข้อมูลแบบ Near-real-time ซึ่งหมายความว่าข้อมูลจะถูกอัปเดตโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วน Virtual Entities ข้อมูลจะอัปเดตทันทีเมื่อต้องการใช้งาน โดยไม่มีการหน่วงเวลา แต่ก็ไม่ได้ซิงค์ข้อมูลให้ตรงกันทั้งสองระบบ

  • ต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูล

Dual-write มีต้นทุนเพิ่มขึ้น เพราะข้อมูลถูกเก็บทั้งใน F&O และ Dataverse ส่วน Virtual Entities ไม่มีต้นทุนเพิ่ม เพราะข้อมูลไม่ถูกคัดลอก

  • การรองรับ Dataverse Tables

Dual-write สามารถเชื่อมโยงกับตารางมาตรฐานของ Dataverse ได้โดยตรง ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่า Virtual Entities ซึ่งต้องตั้งค่าความสัมพันธ์เอง

สรุป: องค์กรควรเลือกใช้โซลูชันไหน?

หากองค์กรต้องการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมี Delay น้อยที่สุด หรือสามารถดึงข้อมูลได้แม้ F&O จะอยู่ในสถานะดาวน์ Dual-write เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากช่วยให้สามารถทำงานกับข้อมูลที่ซิงค์ไว้ล่วงหน้าใน Dataverse ได้โดยไม่ต้องพึ่งพา F&O ในขณะที่หากต้องการให้ข้อมูลตรงกันแบบเรียลไทม์ Virtual Entities จะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า

แต่ถ้าต้องการลดต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูล และต้องการ ดึงข้อมูลจาก F&O มาใช้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องซิงค์ Virtual Entities for F&O อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ในบางกรณี องค์กรอาจต้องใช้ทั้งสองโซลูชันร่วมกัน โดยใช้ Dual-write สำหรับข้อมูลหลักที่ต้องซิงค์และเชื่อมโยงกับ Dataverse Tables และใช้ Virtual Entities for F&O สำหรับข้อมูลที่ต้องการเข้าถึงแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องคัดลอกข้อมูล

ก้าวเข้าสู่ Digital Business

ดูผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่

Table of Content
🔴มี AI แต่กลัวข้อมูลรั่ว!? ตอบมั่ว ใช้งานไม่ได้!? ✨เปลี่ยน Copilot ให้ฉลาด ปลอดภัย ใช้งานได้จริง!